Sunday, 26 March 2023

เจ้าของบ้าน ซ้อมคนขโมยกัญชา ช้ำในตาย ตำรวจไม่จับ อ้างมีสิทธิ์ปกป้องทรัพย์สิน

คุณลุงย่อง ลักกัญชาเพื่อนบ้าน โดนกระทืบ ช้ำในตาย ตำรวจไม่ทำคดี อ้างเข้าไปขโมยของบ้านคนอื่น เจ้าของบ้าน สามารถปกป้องทรัพย์สินได้

(6 ธ.ค.65) เมื่อเวลา 17.00 น. นางวรรณา อายุ 55 ปี ชาวบ้านพรเจริญ อ. วังสามหมอ จ. อุดรธานี พร้อมด้วยญาติ รวม 7 คนเข้าพบ พล.ต.ต.พิษณุ อุณหเสรี ผบก.ภ.จ.อุดรธานี เพื่อร้องขอความเป็นธรรม กรณี นายคำดี อายุ 49 ปี น้องชายเข้าไปขโมยกัญชา ของเพื่อนบ้าน ถูกเจ้าของบ้านจับได้ รวมทั้ง ทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก

2 ช้ำในตาย

นางวรรณา เล่าว่า เหตุทั้งหมด เกิดขึ้นเมื่อช่วงราว 22.00 น. ของคืนวันที่ 15 พฤศจิกายน 2565

นายคำดี เป็นพ่อหม้าย มีลูกชายอายุ 18 ปี 1 คน อาศัยอยู่กระต๊อบนาของตัวเอง ตนสารภาพว่า นายคำดี เป็นคนเสพกัญชา ตั้งแต่วัยรุ่น ได้เข้าไปขโมยต้นกัญชา ของเพื่อนบ้านจริง รวมทั้ง ถูกเจ้าของบ้านจับได้ รวมทั้ง ถูกรุมทำร้ายร่างกาย ซึ่งนายคำดี พยายามที่จะคลานออกมาด้านนอกบ้าน แม้กระนั้น เจ้าของบ้านก็ตามมา กระทืบซ้ำหลายครั้ง จนกระทั่งนายคำดีแน่นิ่งไป

ซึ่งหลังจากนั้น มีผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน รวมทั้ง ผู้ใหญ่บ้าน มาระงับเหตุ รวมทั้ง คุมตัวนายคำดี ไปที่ สถานีตำรวจภูธรวังสามหมอ โดนแจ้งข้อหาทะเลาะวิวาท รวมทั้ง จับนายคำดีจำคุกเป็นเวลา 1 คืน ก่อนจะเปรียบเทียบปรับ 500 บาท รวมทั้ง ปล่อยตัวในวันที่ 16 พฤศจิกายน

หลังจากถูกปล่อยตัว นายคำดี ได้กลับมาที่บ้าน หลังจากนั้น มาก็นอนซมอยู่ที่บ้าน มาตลอด ไม่ออกมาจากบ้าน เนื่องจากว่าร่างกายบอบช้ำอย่างหนัก รวมทั้ง รับประทานข้าวปลาของกินไม่ได้ อาเจียนเป็นเลือด อุจจาระเป็นเลือด แม้กระนั้นเครือญาติไม่เคยทราบ เนื่องจากว่า นายคำดี ไม่ได้ออกจากบ้าน จนถึง วันที่ 23 พฤศจิกายน มีเพื่อนบ้านมาบอกว่า นายคำดีอาการไม่ดี เครือญาติก็เลยพากันนำตัวส่งโรงพยาบาลวังสามหมอ นอนพักรักษาตัวอยู่ราว 3 – 4 วัน

แล้วต่อจากนั้นก็กลับบ้านวันที่ 27 พฤศจิกายน เนื่องจากว่า นายคำดี ปฎิเสธการดูแลรักษา ไม่อยากให้หมอ ใส่สายยางให้อาหารทางจมูก ซึ่งในเวลานั้นหมอไม่ได้รับข้อมูล ว่า นายคำดี ถูกทำร้ายร่างกายมา จนถึงเสียชีวิต ตอนวันที่ 1 ธ.ค. รวมทั้ง ทำการปลงศพวันที่ 2 ธ.ค.

หลังจาก นายคำดี เข้าไปขโมยกัญชา แล้วโดนเจ้าของบ้านซ้อม (ทำร้ายร่างกาย) กระทั่งบาดเจ็บอย่างหนัก รวมทั้ง ไปนอนรักษาตัวที่บ้าน เป็นเวลายาวนานกว่า 2 อาทิตย์ ไม่สามารถที่จะเดิน หรือ กินอาหารได้ หลังแล้วต่อจากนั้นก็เสียชีวิต

แม้กระนั้นพอไปแจ้งตำรวจ กลับไม่ทำคดีให้ โดยอ้างถึงว่า นายคำดี เข้าไปขโมยของที่บ้านของคนอื่น ด้วยเหตุนี้เจ้าของบ้าน ก็เลยสามารถปกป้องทรัพย์สินของตนได้

รวมทั้ง มีหลักฐานจากภาพวงจรปิด ในช่วงเวลาที่ นายคำดี ไปขโมยกัญชาที่ผ่านมา ซึ่งพวกตนรู้สึกว่าไม่ถูกต้อง เนื่องจากว่า นายคำดี ไม่เคยมีประวัติการเจ็บป่วยมาก่อน อีกทั้งหลังจากที่ถูกซ้อม (ทำร้ายร่างกาย) มา ก็กำเนิดลักษณะของการเจ็บป่วยไข้จนกระทั่งเสียชีวิต

ก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา พวกตนเคยไปพบคู่พิพาทแล้ว แม้กระนั้นตกลงกันไม่ได้ ก็เลยไปพบตำรวจ เพื่อที่จะแจ้งความดำเนินคดี กับคนประทุษร้าย นายคำดี ตำรวจก็พูดขู่ฝ่ายของตัวเอง จนกระทั่งส่งผลให้เกิดความหวาดกลัว รวมทั้ง ไม่กล้าที่จะแจ้งความ

3 ช้ำในตาย

จากเหตุ เจ้าของบ้าน ซ้อมคนขโมยกัญชาจนกระทั่ง ช้ำในตาย

นางวรรณา ยังเล่าอีกว่า ตั้งแต่ถูกทำร้ายร่างกายจนกระทั่งเจ็บ คู่พิพาท ไม่เคยมาเยี่ยม ถามไถ่ หรือ ไม่เคยมาช่วยเหลืออะไรเลย ตำรวจติดต่อไปเพื่อที่จะมาไกล่เกลี่ย ก็ไม่ยินยอมมา จนถึง นายคำดี เสียชีวิตไป

คู่อาฆาตยังมีหน้ามาบอกว่า ถ้าหากอยากได้เงินก็ไปฟ้องร้องคดีเอา เพราะจะฟ้องร้องคดีกลับ ที่มาขโมยต้นกัญชา ราคาเป็นแสนด้วย ซึ่งหลังจากที่ นายคำดี เสียชีวิตแล้ว ได้พยายามที่จะไปติดต่อกับตำรวจ แม้กระนั้นตำรวจกลับพูดว่า พวกตนผิด

เนื่องจากไปลักทรัพย์ในยามวิกาล ซึ่งในเวลานั้น ตัวเองก็ไม่เคยทราบจะทำยังไง แม้กระนั้นก็สารภาพว่าผู้เสียชีวิตไปลักทรัพย์จริง รวมทั้ง ไม่มีวิถีทางช่วยเหลือ รู้สึกอกน้อยใจตำรวจ

อ้างแต่เพียงว่า พวกตนผิดทุกอย่าง คนตายทั้งคน ซึ่งตำรวจก็ยังรับรองว่าฝ่ายตนผิด ซึ่งตนรู้สึกว่า เพราะเหตุไรฆ่าคนตายทั้งคน กลับไม่มีความผิด เพราะเหตุไรตำรวจไม่ช่วยเหลือ ก็เลยมาร้องขอความชอบธรรม กับผู้บังคับบัญชาตำรวจภูธรจังหวัดอุดรธานี

ด้าน พล.ต.ต.พิษณู อุณหเสรี ผบก.ภ.จ.อดรธานี เปิดเผยว่า พร้อมให้ความยุติธรรมกับทั้งสองฝ่าย ซึ่งตอนนี้ พึ่งจะได้รับฟังฝ่ายเดียว แม้กระนั้นจากข้อมูลที่ได้รับฟังเชื่อว่า จะสามารถแจ้งข้อกล่าวหา คู่กรณีได้ คือ ฆ่าคนอื่นโดยไม่เจตนา หรือ กระทำการโดยประมาท เป็นเหตุให้คนอื่นถึงแก่ชีวิต

จะสั่งให้เจ้าหน้าที่สอบสวน สภ.วังสามหมอ รีบดำเนินงานสืบสวน ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ ทั้งสองฝ่าย

รวมทั้ง หากเครือญาติผู้เสียชีวิตเชื่อว่า มีผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์อื่น หรือหลักฐานอื่น ก็เอามาให้ตำรวจ นอกเหนือจากนี้ผลวิเคราะห์การตายของหมอ ก็เป็นหลักฐาน ซึ่งจะต้องไปสืบสวนปากคำ จากหมอที่ทำการรักษา ขอรับรองว่าตำรวจจะต้องรับแจ้งความแน่ๆ รวมทั้ง ให้ทั้งสองฝ่าย ไปพิสูจน์เรื่องจริงกันบนศาล